หนังสั้นเรื่อง La Inquilina ได้ถูกโพสลงใน DaVinci Resolve Studio จากระยะไกล
Blackmagic Design ได้ประกาศว่าหนังสั้นในโปเจค 2021 HPA Tech Retreat Supersession ที่มีชื่อว่า “La Inquilina” ถูกโพสลงใน DaVinci Resolve Studio รวมไปถึงการตัดต่อ การเกลี่ยสี(color grade) การตัดต่อเสียง และการถ่ายทำ. ในการตัดต่อหนังนั้น พวกเขาใช้ DaVinci Resolve Studio ที่ทำงานด้วย EC2 G4 instances ของ Amazon ร่วมกับระบบเก็บไฟล์ Amazon FSx
หนังเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจค “The Founder Lederhosen” ที่นำเอานักทำหนังจากทั่วโลกมาร่วมกันใช้เทคโนโลยีคลาวด์ในการสร้างหนังสั้นหลาย ๆ เรื่องที่มีธีมเกี่ยวกับการเอาตัวรอดจากการล็อคดาวน์ในช่วง COVID-19 ด้วยระบบการทำงานและโปรดักชันที่ล้ำหน้า จากนั้นก็นำมาคัดเลือกในการประชุม Supersession ที่จัดขึ้นสองวัน
“La Inquilina” เป็นหนังแนวลุ้นระทึกของผู้หญิงสองคน ที่จำเป็นจะต้องอาศัยอยู่ด้วยกันในบ้านหลังเดียวกันระหว่างช่วงของการระบาด. การสื่อสารของทั้งสองคนนั้นเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะคนหนึ่งใช้ภาษาฝรั่งเศส และอีกคนใช้ภาษาสเปน. แม้ว่าพวกเขาพยายามผลักดันตัวเองให้เข้าใจอีกฝ่าย แต่ดันมีฝ่ายหนึ่งที่กุมความลับร้ายแรง ที่จะส่งผลให้เกิดสิ่งที่ตามมาในด้านร้าย ๆ.
“ผมคิดว่าโปรเจคนี้น่าสนใจมาก ๆ และเป็นสิ่งที่เราทุกคนมีประสบการณ์ร่วมกันในช่วงเวลานี้” กล่าวโดย DP และ ผู้อำนวยการสร้าง Sandra De Silva De La Torre. “เมื่อฉันถูกถามว่าฉันอยากจะทำหนังสั้นให้ HPA ไหม ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้การศึกษาวิธีการทำงานแบบรีโมทอย่างสมบูรณ์”.
ด้วยการที่ De Silva De La Torre นั้นอาศัยอยู่ในเมืองเม็กซิโก นักตัดต่อและมือเกลี่ยสี Diego Yhamá ที่อาศัยอยู่ในเมือง Bogotá ประเทศโคลัมเบีย และการตัดต่อ การเกลี่ยสี และการตัดต่อเสียงเกิดขึ้นในเมืองลอส แองเจลิส ทางทีมงานจึงต้องพึ่งพาเครื่องมือของ DaVinci Resolve Studio ที่ทำงานอยู่บน Amazon Elastic Compute Cloud (Amazon EC2) และ Amazon Simple Storage Service (Amazon S3).
เครื่องมือถังขยะและการล็อคช่วงเวลา กล่องแชทภายในตัว การทำบันทึกเล็ก ๆ และการใช้ปากกาเน้นคำเป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับทีม. “เราสื่อสารกันด้วยการโน้ตและการเน้นคำเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเมื่อต้องเป็นการขอคำอนุมัติจาก Sandra และผู้กำกับ Bernardo Mota Carega” กล่าวโดย Yhamá. “ด้วยการอาศัยอยู่บนเส้นเวลาที่ต่างกัน สิ่งที่เราทำได้คือการเขียนโน้ตทิ้งไว้ให้กับคนอื่น ๆ เพื่อทำให้งานสามารถทำได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการหยุดชะงัก. หากเราทำงานไปพร้อม ๆ กัน โปรแกรมในการแบ่งช่วงเวลาของ DaVinci Resolve Studio ก็จะสร้างการตัดต่อขึ้นมาสองระดับ ทำให้เราสามารถเข้าไปดูและปรับเปลี่ยน scene ต่าง ๆ ให้ตรงกันกับ timeline หลักได้หากมีความจำเป็น.”
DaVinci Resolve Studio ช่วยให้คนที่ทำงานร่วมกันสามารถทำงานช่วยเหลือการตัดต่อต่าง ๆ ในการจัดการกับวิดีโอ ระบบการซิงค์เสียงสองช่อง และการจัดการ timeline ของแต่ละ scene ในหน้าตัดต่อ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโดยที่นักตัดต่อยังสามารถควบคุมการทำงานของการตัดต่อหลักได้.
“การตัดต่อใน DaVinci Resolve Studio นั้นทำได้ง่ายและรวดเร็วอยู่แล้ว แต่การเพิ่มมาของ Editor Keyboard และ Speed Editor ก็ยิ่งทำให้กระบวนการของงานนั้นไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น” กล่าวโดย Yhamá. “ฉันชอบตัวช่วยในการค้นหา และเครื่องมือในการตัดและใส่คลิปลงไปทำให้ขั้นตอนนั้นง่ายขึ้นมาก ๆ การมีคีย์บอร์ดเหล่านี้อยู่ในระบบคลาวด์นั้นมีประโยชน์ต่อการตัดต่อเป็นอย่างมาก.”
เขายังกล่าวต่อว่า “การทำงานบนคลาวด์ ความเร็วของการทำงานนั้นเร็วจนน่าตกใจ เพราะเรามีคอมพิวเตอร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานหนัก และผมยังสามารถเข้าถึงคอมพิวเตอร์เสมือนเครื่องนี้ที่ไหนก็ได้บนโลก. ในโปรเจคนี้ ผมอาศัยอยู่ที่บ้านเป็นส่วนใหญ่ แต่ในบางครั้งก็อยู่ในสำนักงาน หรือแม้แต่ที่เมืองอื่น ๆ. ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ใด ผมก็ได้รับประสบการณ์ในการทำงานที่เหมือนกัน และการจัดการกับงานของเราสามารถถูกปรับแต่งให้เข้ากับความต้องการของตัวเราเองได้ และยังปรับแต่งได้ง่ายอีกด้วย.”
De Silva De La Torre ได้สรุปไว้ว่า “การที่เราสามารถเชื่อมต่อกันแบบเสมือน ทำงานร่วมกัน และให้คำแนะนำในช่วงของการตัดต่อนั้นเป็นการทำงานที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก. ฉันดีใจมาก ๆ กับกระแสของงานโดยไม่รู้สึกเหมือนว่าเรากำลังอยู่ในสภาวะโรคระบาดอยู่เลย การที่เราจะเดินทางไปโคลัมเบีย หรือการรวมตัวทุกคนที่ประเทศเม็กซิโกนั้นจะต้องมีค่าใช้จ่ายในส่วนของโปรดักชันเพิ่มขึ้นมาอีกมาก. การทำงานร่วมกันทางไกลนั้นไม่เพียงแต่ลดค่าใช้จ่าย แต่ยังช่วยให้คุณทำงานร่วมกับคนมีฝีมือได้ทั่วโลก. มันเป็นเรื่องน่ายินดีที่เราได้เจอกับนักทำหนังเก่ง ๆ หลาย ๆ คนทั่วโลกซึ่งต้องขอบคุณโปรเจคนี้ และทาง HPA รวมถึงผู้สนับสนุนด้วย.”